Political developments in the next 48 hours could determine the fate of his four-month-old coalition government.
Here are some possible consequences:
* The degree of enforcement by security forces of the emergency will determine Abhisit's largely untested leadership, and whether he can keep the emboldened, largely rural supporters of exiled former Prime Minister Thaksin Shinawatra under control.
* Abhisit has been considerably weakened by his failure to stop the demonstrators getting anywhere near the summit, which will be interpreted as a sign of indecisiveness even if the aim was to avoid bloodshed.
* Abhisit's gamble on invoking an emergency risks fomenting widespread civil strife with unpredictable consequences if the military fails to stand firmly behind him.
* Bloodshed following any crackdown on Thaksin's red-shirted supporters will put pressure on Abhisit to step down and call a snap election, or let
* Bloodshed could even lead to the military stepping in and mounting another coup, after the one in 2006 that ousted Thaksin, although the army has made it clear repeatedly during months of unrest that it did not want to get involved in politics again.
* Any snap election raises prospects of political parties backing Thaksin emerging winners, which would pave the way for the return of the former leader, who lives in exile after fleeing to escape a two-year jail term for abuse of power. This would like trigger a fresh series of mass protests.
* Abhisit's mistake in underestimating the protesters weakens his political standing and threatens his leadership of the Democrat Party.
* The demonstration by the "red shirts" had been largely peaceful until the arrival on the scene of a mysterious group of blue-shirted, pro-government protesters, their faces covered and armed with clubs and slingshots, which they used. Abhisit will have to address rumors that these were military personnel, used by the authorities to do their dirty work while the police and troops followed orders not to use violence.
(Editing by Alan Raybould)
http://www.reuters.com/article/newsOne/idUKTRE53A0RZ20090411
---------------------------------------
การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่จัดการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ถูกยกเลิกไปแล้วนั้นทำให้ทางเลือกของนายอภิสิทธิ์ลดน้อยลงในการจัดการกับผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล และมีคำถามเกิดขึ้นว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากทางทหารหรือไม่
ความคืบหน้าทางการเมืองในระยะ 48 ชั่วโมงต่อไปนี้จะเป็นการบ่งบอกชะตาของรัฐบาลที่มีอายุห้าเดือน
ผลลัพธ์บางประการที่อาจจะตามมา:
* ระดับการบังคับของการสั่งการของกองรักษาความปลอดภัยภายใต้ภาวะฉุกเฉินจะชี้ความเป็นผู้นำที่ไม่ได้ถูกทดสอบของนายอภิสิทธิ์ และว่าเขาสามารถจะควบคุมผู้ประท้วงรากหญ้าที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรที่ยิ่งวันยิ่งกล้าหาญขึ้นได้หรือไม่
* นายอภิสิทธิ์ถูกทำให้อ่อนแอลงจากความล้มเหลวในการป้องกันไม่ให้การชุมนุมเข้ามาใกล้ๆบริเวณการประชุมสูงสุด ซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความไม่เด็ดขาดของเขาแม้ว่าจุดประสงค์คือการหลีกเลี่ยงกางนองเลือด
* การพนันของอภิสิทธิ์ที่ประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินมันเกิดความเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้การต่อสู้ระหว่างประชาชนกระจายออกไป
* การนองเลือดที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดการกับผู้สนับสนุนทักษิณเสื้อแดงจะกดดันให้นายอภิสิทธิ์ลงจากตำแหน่งและประกาศเลือกตั้งใหม่ หรือยอมให้รัฐสภาที่แตกแยกอยู่เลือกผู้นำใหม่
* การนองเลือดอาจทำให้ทหารเข้ามาแทรกแซงและก่อรัฐประหารอีกครั้งหลังจากที่ได้ทำไปเมื่อปี 2549 ที่โค่นล้มพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงแม้ว่ากองทัพจะยืนยันหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่มีความยวุ่นวายว่ากองทัพจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป
* การเลือกตั้งใหม่จะทำให้โอกาสพรรคที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณได้รับชัยชนะและเปิดทางให้อดีตนายกซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ต่างประเทศจากการหลีกเลี่ยงการจำคุก 2 ปีจากคดีใช้อำนาจที่ผิดกลับประเทศ และมันจะกระตุ้นให้เกิดการประท้วงรอบใหม่
* ความผิดพลาดของนายอภิสิทธิ์ที่ประเมินการประท้วงต่ำไปทำให้ฐานะทางการเมืองของเขาอ่อนแอลงและอาจกระทบเขาในฐานะผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์
* การประท้วงโดยคนเสื้อแดงโดยรวมเป็นไปอย่างสันติจนกระทั่งมีการเข้ามาของกลุ่มลึกลับเสื้อสีน้ำเงิน ที่สนับสนุนรัฐบาล หน้าของพวกเขาถูกปิด และใช้อาวุธที่เป็นไม้กอล์ฟและหนังสติ๊ก นายอภิสิทธิ์ต้องออกมาชี้แจงถึงข่าวลือที่ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นพวกนายทหาร ที่ถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อทำงานสกปรกระหว่างที่ตำรวจและกองทหารถูกสั่งไม่ให้ใช้กำลัง