การร่วมชุมนุมจากพลังบริสุทธิ์ของประชาชนที่ได้มารวมตัวกันนับแสนคน โดยยึดเสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องประชาธิปไตยบวกกับพลังแห่งความ ศรัทธาของชาวรากหญ้าที่มีต่ออดีตนายกฯ ทักษิณ ภายใต้แนวคิดพื้นฐานเดียวกันของพวกเค้าคือการถูกปล้นอำนาจอธิปไตย จากการปฎิวัติรัฐประหาร 19 กันยาน 2549
แถลงการณ์ ข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงนำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข โดยเนื้อหามีดังนี้
“เมื่อ ประชาชนได้รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลซึ่งเข้าสู่อำนาจ โดยมิชอบ ได้ทำหน้าที่รักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ด้วยการดำเนินคดีกับกลุ่มอนาธิปไตยผู้ยึดทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และสนามบินสุวรรณภูมิ อย่างเข้มงวดและรวดเร็ว กับขอให้จัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รัฐบาลนี้กลับเพิกเฉย
การชุมนุมครั้งใหม่ ในวันที่ 26 มี.ค. 2552 ทำ ให้ประชาชนได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้น จนเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่า ประธานองคมนตรีและองคมนตรีบางท่าน ได้ร่วมกันวางแผนและยึดอำนาจการปกครอง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แล้วสถาปนาระบอบการปกครองอำมาตยาธิปไตยขึ้นมา ทำให้ประเทศชาติเสียหายเหลือคณานับ
วันนี้ประชาชนซึ่งได้อดทนมานาน จนถึงที่สุดแล้ว ไม่ยินยอมอยู่ใต้การปกครองแบบนี้ต่อไป จึงได้รวมตัวกันชุมนุมอย่างสันติ เป็นมวลมหาประชาชนพร้อมใจตั้งข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธิ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ต้องพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีเพื่อความบริสุทธิ์ ผ่องแผ้วของสถาบันองคมนตรี
2. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทั้ง 2 ข้อนี้ต้องเกิดขึ้นในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข
3. การ บริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ การปรับปรุงใดๆ ให้ดีขึ้นตามหลักสากล ต้องมีการปรึกษาหารือกันระหว่างนักประชาธิปไตยผู้มีประวัติและพฤติกรรมเชิด ชูระบอบประชาธิปไตยเป็นที่ประจักษ์
มวลมหาประชาชนคนเสื้อแดง
8 เม.ย. 2552
น่าสังเกตว่าจากการต่อสู้ในครั้งนี้ทำไมปลายเหตุแห่งกระแสสังคมช่างติดอย่าง ง่ายดายเกินคาด การเกิดแนวร่วมที่มีการขยายวงกว้างเพิ่มมากขึ้นในทุกวินาที จากฐานรากแห่งชาวรากหญ้าสู่ทุกชนชั้นทุกระดับในสังคมไทย เนื่องจากกระแสที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่พวกเค้ารู้สึกแห่งแรงสะท้อน ถึงการขาดหรือแทบไม่เคยได้รับ หรือได้บ้างได้แบบข้างๆคูๆ แบบมีอุปบทเคลือบแฝง โดยบริบทแห่งกระแสเรียกร้องนั้นก็คือกระแสแห่งประชาธิปไตย ความเสมอภาค ความเท่าเทียมกัน การได้เป็นมนุษย์อย่างที่ควรจะได้เป็น ภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนโดยแท้จริง
ด้วยเหตุที่กล่าวข้างต้นทำให้ กลุ่มคนเสื้อแดง สามารถรวบรวมฐานกำลังเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นกลุ่มก้อนปึกแผ่นได้อย่างหน้าเกรงขามในเวลานี้ จากความรู้สึกแห่งระยะเวลาเกือบ 3 ปี ที่ผ่านมาที่พวกเค้าต้องอาศัยร่มเงาแห่งเผด็จการ คมช. บัดนี้สิ่งนี้สิ่งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นซึ่งความบูดเบี้ยว เฉเกกระทั่งกลไกแห่งกระบวนการยุติธรรมที่พวกเค้าคิดว่าพึ่งได้โดยแก่นแห่ง ความยุติธรรม ประเด็นแห่งศรัทธาในการรวมกลุ่มก้อนชุมนุมของคนเสื้อแดงในครั้งนี้ก็ด้วย เหตุผล ตนเป็นที่พึ่งเเห่งตน ที่คิดว่าจะสามารถพาให้ตนหลุดพ้นจากความคับแค้นยากจนที่ปราศจากการช่วยเหลือถึงรากเหง้าแห่งความจนที่แท้จริง พร้อม กันกับการที่รัฐบาลและกลุ่มขบวนการปล้นอำนาจรัฐก็กำลังมีพฤติกรรมชวนให้ไม่ แน่ใจว่าคนพวกนี้กำลังทำเพื่อความมั่นคงของรัฐ เพื่ออะไร หรือเพื่อใครกันแน่ โดยมีเหตุแสดงให้เห็นว่าทุกวันนี้รัฐบาลยังไม่สามารถแยกตัวเองให้เป็นอิสระ ออกจากอำนาจเผด็จการได้อย่างแท้จริง
โดยภาพที่พวกเค้ารับรู้อย่างชัดเจนคือการที่อำนาจเผด็จการได้ออกมาสนับสนุนรัฐบาลอย่างออกนอกหน้าไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร โดยมีผู้ถือกุมอำนาจรัฐที่แท้จริงแฝงอยู่ในมุมที่คิดว่าใครๆมองไม่เห็น
ทางกลับกันกลับป้ายสี ผลักไสให้ผู้กุมอำนาจรัฐที่แ้ท้จริง ตัวจริงให้กลายไปเป็น ระบอบเผด็จการ
ดังนั้นดิฉันคิดว่าแทบไม่ต้องสงสัยว่าทำไมการระดมพลังแห่งการเรียกร้อง ประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงในครั้งนี้จึงได้มีตัวเลขที่ทวีคูณเกินคาดเช่นนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง
*ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม ใครได้-ใครเสีย!
*ชนชั้นล่างกับการต่อสู้ทางการเมือง
Ref: patriot.hroyy.com